13 เรื่องราวของมาราโดน่า ตำนานนักเตะตัวเล็ก นักเตะที่ไม่เหมือนใคร

13 เรื่องราวของมาราโดน่า นักเตะตัวเล็กแต่ยิ่งใหญ่ที่สุดเวลาอยู่ในสนาม ‘ดิเอโก้ มาราโดน่า’ ได้จากโลกใบนี้ไปแล้ว แต่เขาได้ทิ้งมรดกที่ไม่เหมือนใครเอาไว้เบื้องหลัง

ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา (สเปน: Diego Armando Maradona, ออกเสียง [ˈdjeɣo maɾaˈðona]) (30 ตุลาคม ค.ศ. 1960 – 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา และอดีตเป็นผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินา เขาถือเป็น 2 นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เมื่อเทียบกับเปเล่ เขาได้รับการลงคะแนนทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรก กับรางวัลผู้เล่นฟีฟ่าแห่งศตวรรษ โดยได้รับร่วมกับเปเล่ ดูบอล123

มาราโดนาเกิดในปี ค.ศ. 1960 ที่เมืองลานุส ประเทศอาร์เจนตินา ตอนอายุ 8 ปี เขาเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรท้องถิ่น Estrella Roja ก่อนจะถูกเรียกให้มาติดสโมสรเยาวชนของ Argentinos Juniors ซึ่งมาราโดนาเริ่มเล่นในระดับอาชีพด้วยวัย 15 ปี และกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีกฟุตบอลปริเมราดิบิซิออน

ต่อมาเขาย้ายไปร่วมสโมสรโบกายูนิออร์ส ในปี ค.ศ. 1982 มาราโดนาย้ายไปอยู่สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในสเปนด้วยค่าตัว 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในขณะนั้น แต่ด้วยอาการบาดเจ็บและปัญหาหลายอย่างทำให้มาราโดนาย้ายไปอยู่สโมสรนาโปลีในอิตาลี ที่ซึ่งเขาได้รับตำแหน่งกัปตันทีมและพาสโมสรสร้างสถิติใหม่หลายอย่าง

หลังจากนั้นมาราโดนาย้ายไปอยู่สโมสรฟุตบอลเซบิยา นีเวลส์โอลด์บอยส์ และกลับมาอยู่สโมสรโบกายูนิออร์สก่อนจะเลิกเล่นในปี ค.ศ. 1997 ในด้านทีมชาติ มาราโดนาติดทีมชาติในปี ค.ศ. 1977 และนำทีมอาร์เจนตินาชนะฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก ซึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้มาราโดนาได้ทำ “ประตูหัตถ์พระเจ้า” ที่เป็นที่ถกเถียงระหว่างแข่งกับทีมชาติอังกฤษ มาราโดนาเล่นทีมชาติเป็นครั้งสุดท้ายในฟุตบอลโลก 1994

หลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ มาราโดนาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการสโมสรฟุตบอลหลายสโมสร โดยสโมสรสุดท้ายคือยิมนาเซียเดลาปลาตา มาราโดนาเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นที่บ้านในเมืองติเกร ประเทศอาร์เจนตินาในปี ค.ศ. 2020

ชายที่มีชีวิตที่น่าทึ่งที่สุดคนนึงในวงการฟุตบอลเสียชีวิตลงแล้วที่ประในอาร์เจนติน่าด้วยวัย 60 ปี ทั่วโลกต่างสดุดีไอคอนคนนี้ซึ่งหลายคนยกให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล มากพอๆ กับความสามารถอันน่าทึ่งของเขาในการเลี้ยงบอลติดเท้าฝ่ากองหลัง มาราโดน่าจะถูกจดจำด้วยบุคลิกที่ไม่ธรรมดาของเขา ในขณะที่ชีวิตส่วนนึงของ

เขาถูกบดบังด้วยปัญหาส่วนตัว แต่เขาก็เป็นคนที่ไม่เคยหยุดในการทำให้ตัวเองเป็นประเด็นในการพูดคุย เขาเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ทั้งในและนอกสนาม เรารวบรวมช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของเขาออกมารำลึกถึงกันอีกครั้ง

1. วอล์คเอ้าท์ออกจากงานของฟีฟ่า

13 เรื่องราวของมาราโดน่า

มาราโดน่ามักจะวิจารณ์การเมืองของฟีฟ่าหลายต่อหลายครั้ง แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นในงานกาล่า ฟีฟ่า เวิลด์ เมื่อปี 2000 เขาได้รับรางวัล ‘ผู้เล่นแห่งศตวรรษ’ ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการตัดสินโดยการโหวตจากสาธารณชน เขาสามารถเอาชนะเปเล่ได้ แต่ต่อมาฟีฟ่าได้เพิ่มรางวัลที่สอง โดยแต่งตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยนักข่าวฟุตบอล

เจ้าหน้าที่และโค้ชซึ่งโหวตให้เปเล่เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษ ทำให้ทั้งสองเป็นผู้ชนะร่วมกันของรางวัลดังกล่าวนี้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับมาราโดน่า เพราะทันทีที่เขาได้รับรางวัลของตัวเองเขาก็กลับบ้านทันที

2. ไฝว้กับผู้เล่นแอธเลติก บิลเบา หลังจบเกม 13 เรื่องราวของมาราโดน่า

13 เรื่องราวของมาราโดน่า

มาราโดน่าใช้เวลาสองปีกับบาร์เซโลน่า แต่ช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของเขาเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดนัดชิงรายการโกปา เดล เรย์ ปี1984 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ร้อนแรงอย่างไม่น่าเชื่อกับแอ ธเลติก บิลเบา

เกมนี้ เสือเตี้ยถูกเตะถูกเล่นนอกเกมจนทนไม่ไหว เขาตัดสินไล่กระทืบแข้งฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าคลั่งด้วยลูกคาราเต้คิก ว่ากันวาผู้ช่วยโค้ชของบิลเบาถูกเข่าลอยของเสือเตี้ยจนล้มทั้งยืน ต่อหน้า กษัตริย์ ฆวน การ์โลส ที่ 1 ที่เสด็จมาทอดพระเนตรในฐานะองค์ประธาน

3. คุมทีม กิมนาเซีย จากเก้าอี้ของทีมคู่แข่ง

13 เรื่องราวของมาราโดน่า

นีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ซึ่งเป็นสโมสรรองสุดท้ายในฐานะผู้เล่น ได้เตรียมเก้าอี้ให้เขานั่งที่สนาม Estadio Marcelo Bielsa สนามเหย้าของพวกเขาตอนที่เขาคุมทีมคู่แข่งอย่างกิมนาเซีย

โดยในการเดินทางไปเยือนในนัดนั้นซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 เขาได้รับการต้อนรับจากแฟนบอลเจ้าถิ่นอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เมื่อไปถึงที่สนามแข่งก็ยังมีการจัดเก้าอี้สุดพิเศษสุดหรูมาให้มาราโดน่า และก่อนนั่งเจ้าตัวก็เซ็นชื่อเป็นที่ระลึกไว้อีกด้วย จบเกม มาราโดน่า ตอบแทนทีมเก่าด้วยการพาลูกทีมมาถล่ม นีเวลล์โอลด์ บอยส์ ไป 4-0

4. สบถใส่ใส่กล้องหลังจากที่อาร์เจนติน่าถูกโห่

เพลงชาติของอาร์เจนติน่าถูกโห่ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1990 โดยหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ฟุตบอลของพวกเขาในแง่ลบ และเข้าใจได้หาก มาราโดน่าจะโดนทำแบบนั้นจากกองเชียร์ของเยอรมนี และเขาก็ตอบโต้ด้วยการตะโกนกลับใส่กล้องไป 2 ครั้งว่า “hijos de puta” ซึ่งเป็นคำหยาบคาย

5. คำพูดของเขาเกี่ยวกับการเป็นพ่อ

“ลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมคือ ดาลม่า และ จานนิน่า ส่วนที่เหลือเป็นผลผลิตจากเงินและความผิดพลาดของผม”

6. ถลาสู่พื้นหลังประตูชัยกับเปรู

หลังจากประตูในนาทีสุดท้ายของมาร์ติน ปาแลร์โม่ ในเกมกับเปรู ส่งให้อาร์เจนตินาผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2010 มาราโดน่าซึ่งเป็นผู้จัดการทีมก็ได้ฉลองด้วยท่าดีใจของเจอร์เก้น คลินส์มันน์ ด้วยการกระโดดพุ่งถลาไปกับพื้นสนามประหนึ่งท่าพุ่งล้มด้วยความดีใจ

7. ขับรถเหยียบเท้านักข่าว

ในปี 2010 ในขณะที่คุมทีมชาติอาร์เจนตินา มาราโดนาขับรถเหยียบเท้าช่างภาพคนนึงในขณะที่เขาพยายามหลบหน้าสื่อ จากรายงานของ The Telegraph เผยว่ามาราโดน่ายังตะโกนคำหยาบใส่ช่างภาพคนนั้นด้วยว่า “a**hole!”

8. เคยเข้าใจผิด? ว่ามุลเลอร์เป็นเด็กเก็บบอล

เหตุการณ์เกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องระหว่าง เยอรมนี กับ อาร์เจนตินา ในเดือนมีนาคม 2010 โธมัส มุลเลอร์ ที่ตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กที่เพิ่งก้าวขึ้นมาชุดใหญ่แต่ได้รับการมอบหมายให้ออกไปนั่งให้สัมภาษณ์ก่อนเกมร่วมกันกับผู้จัดการทัพฟ้า-ขาวอย่าง มาราโดน่า

เจ้าตัวเลยแกล้งแซวว่าทำไมเยอรมนีถึงได้ส่งเด็กโนเนมที่ดูคล้ายเป็นเด็กเก็บบอลออกมาแถลงข่าวแทนที่จะเป็นโยอาคิม เลิฟ โดย The Independent เผยว่า มาราโดน่ายืนกรานว่าจะขอทำการแถลงข่าวครั้งนี้เพียงคนเดียว และจะไม่ยอมพูดอะไรจนกว่าเด็กเก็บบอลจะออกจากห้องไป

9. จัดหนักกุนซือคนนึงขณะคุม อัล วาเซิล

พฤศจิกายน 2011 คอสมิน โอลาโรอุย ผู้จัดการทีมอัล ไอน์ ฉลองเลยเถิดไปหน่อยตอนที่ทีมของเขายิงประตู อัล วาเซิ่ล ที่มีมาราโดน่า คุมทีมอยู่ จนทำให้ทำให้กุนซือชาวอาร์เจนตินาไม่พอใจเป็นอย่างมาก และต่อมาทั้งคู่ก็ทำสงครามน้ำลายกัน

10. ความสะใจหลังผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2010

13 เรื่องราวของมาราโดน่า

“สำหรับคนที่ไม่เชื่อในตัวเรา และสุภาพสตรีทั้งหลายให้อภัยผมด้วย….(ต่อด้วยคำหยาบที่ว่า they can suck my —- and keep on sucking it) จากนั้นก็โดนฟีฟ่าแบน 2เดือนจากการกระทำดังกล่าว

11. ทุบกระจกรถของช่างภาพ

ในปี 2000 ช่างภาพคนหนึ่งรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของมาราโดน่าเกินเหตุในการตามถ่ายรูป มาราโดน่าตอบโต้ด้วยการชกหน้าต่างรถและทุบกระจกแตก แน่นนอนว่านั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทีรังเกียจสื่อ

12. ยิงปืนใส่ผู้สื่อข่าว

ตั้งแต่อายุ 15 ปีมาแล้วที่มาราโดน่าตกอยู่ในสปอตไลท์ อย่างไรก็ตามในปี 1994 การรุกรานความเป็นส่วนตัวของเขาก็ทำให้เขาต้องตอบโต้อีกครั้ง เมื่อผู้สื่อข่าวไล่ล่าเขานอกบ้านในโมเรโน่ เขาใช้ปืนยาวอัดลมยิงใส่นักข่าวที่คอยตามติดเรื่องอื้อฉาวของเขา และมีนักข่าวบางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

13. หัตถ์พระเจ้า

ในการเดินทางของอาร์เจนติน่าสู่ความรุ่งโรจน์ในฟุตบอลโลก มาราโดน่ายิงสองประตูที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลในนัดเดียว ‘ประตูแห่งศตวรรษ’ ของเขาทำลายทีมชาติอังกฤษไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ประตูดังกล่าวก็ถูกบดบังด้วยตำนาน ‘หัตถ์พระเจ้า’ ที่เขาจัดการชกบอลผ่านปีเตอร์ ชิลตัน เข้าประตูไป และหลังจากนั้นมาราโดน่าได้พูดถึงการทำประตูดังกล่าวว่า “ส่วนหนึ่งมาจากหัวของมาราโดน่า อีกส่วนหนึ่งมาจากหัตถ์ของพระเจ้า”

จากนั้นลูกยิงดังกล่าวก็ถูกเรียกว่า “หัตถ์พระเจ้า” นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ท่านสามารถติดต่อเราผ่านทาง >> @vvip123<<   หากมีเรื่องสัย หรือต้องการได้ข่าวอะไรเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ทันที รับประกันข่าวสาวใหม่ๆ ที่เราอัพเดตกันทุกวันแน่นอน