ไบรอันร็อบสัน เจ้าของฉายากัปตันมาร์เวล นักเตะที่เป็นยอดกัปตันของสโมสรแมนยูไนเต็ด

ไบรอันร็อบสัน เจ้าของฉายากัปตันมาร์เวล Bryan Robson โดยหากพูดถึงร็อบสัน ไบรอัน ร็อบสัน เบอร์ เชื่อว่าแฟนบอลหลายคน คงจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง กับบทบาทของผู้จัดการทีมชาติไทย ในช่วงเวลาหนึ่ง และกับแฟนบอลแมนยูไนเต็ด

กับกัปตันของสโมสรที่ สวมเสื้อหมายเลข7 เจ้าของฉายา กัปตันมาเวลที่ แฟนบอลแมนยูไนเต็ด จะต้องรู้จักเพราะ เขาเคยเป็นอดีตนักเตะ ที่ได้เป็นกัปตันนำทีม ในช่วงเวลาที่แมนยูไนเต็ดกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ของการกลับมายิ่งใหญ่ และเป็นนักเตะที่เป็นนักเตะ จอมทุ่มเทของสโมสรที่ มีความสำคัญในยุคสมัยของ แมนยูไนเต็ด ที่มีความสำคัญกับทีม ในยุคหนึ่ง ที่เหล่าแฟนบอล จะต้องเคยได้ยิน ชื่อของเขามากันบ้าง ดูอนิเมะออนไลน์

ซึ่งบทความของเราจะพา มารู้จักกับประวัติ และช่วงเริ่มต้นการค้าแข้ง ของเขาว่าเป็นอย่างไร มาอย่างไร โดยไบรอัน ร็อบสันเกิด เมื่อวันที่ 11 มกราคม ค.ศ.1957 ที่ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรคนที่2 จากบุตรทั้งหมด 4คน

ของไบรอัน ร็อบสันผู้พ่อ และ เมารีน ร็อบสันผู้เป็นแม่ โดยน้องชายร็อบสันอีก 2 คน ก็ล้วนแต่เป็นนักฟุตบอลทั้งคู่ จึงไม่แปลกหากจะบอกว่า นี้คือครอบครัว นักกีฬาที่ แม้แต่ตัวของพ่อและแม่ ต่างก็สนับสนุนในเรื่องของกีฬา

โดยเฉพาะกับกีฬาฟุตบอล ร็อบสันเริ่มต้น การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จากการเล่น ในทีมระดับท้องถิ่นชื่อ คลับ สเกาต์ ก่อนที่จะเข้าไป ศึกษาต่อระดับ ชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงเรียน เบอร์เลย์ เซาธ์ เซคันดารี โมเดิร์น

และต่อมาได้เข้า เรียนที่โรงเรียน ลอร์ด ลอว์สัน ออฟ เบียมิช คอมพรีเฮนซีม ซึ่งร็อบสันได้ลงแข่งขัน กรีฑาและฟุตบอล ร็อบสันได้ทดสอบฝีเท้ากับหลายสโมสร เช่น เบิร์นลีย์, โคเวนทรี ซิตี้, เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, นิวคาสเซิล

และเวสต์บรอมวิช อัลเบียน ร็อบสันสำเร็จการศึกษาขั้นสุดท้าย ของนักเรียน เมื่ออายุ 15ปี ไบรอัน ร็อบสัน ทีมชาติไทย ในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ.1972 และได้รับข้อเสนอ จากเวสต์บรอมวิช อัลเบียนให้เข้าเป็น นักฟุตบอลฝึกหัด

ไบรอันร็อบสัน เจ้าของฉายากัปตันมาร์เวล เริ่มต้นการเป็นนักเตะอาชีพอย่างเป็นทางการ

แฟนบอลหลายคนอาจจะ ไม่ทราบและ ไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับประวัติการค้าแข้ง ไบรอัน โอคอนเนอร์ ประวัติ ในช่วงเริ่มต้น ของเจ้าตัว และการย้ายไปสโมสรแมนยูไนเต็ด ที่กว่าจะได้นักเตะคนนี้มา ต้องเจออะไรบ้าง และเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

กับการดึงตัวของร็อบสัน เข้ามาร่วมทีมเพราะ ต้องยอมรับว่า ร็อบสันเริ่มต้น การเป็นนักเตะ อาชีพในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ.1972 จากการเป็น นักเตะฝึกหัดกับเวสต์บรอมวิช อัลเบียน โดยสัญญาก้อนแรก คือการรับค่าเหนื่อยปดาห์ละ 5ปอนด์

ก่อนได้รับ การขึ้นเงินเป็น 8ปอนด์ ต่อสัปดาห์ ในปีที่สอง ที่มาร่วมงาน อยู่ที่สโมสรเวสต์บรอม และด้วยผลงานที่ โดดเด่นทำให้ ร็อบสันเป็นที่หมายปอง ของทีมใหญ่ของลีกวัน ลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศอังกฤษ คาสิโนออนไลน์

หรือพรีเมียร์ลีกในปัจจุบันนี้ โดยทั้งแมนยู และลิเวอร์พูล แต่เขาเลือก ที่จะย้ายไป ร่วมทีมแมนยูในเดือนตุลาคม ค.ศ.1981 แม้ว่าในยุคนั้น การร่วมทีมลิเวอร์พูล จะการันตีความสำเร็จ ได้มากกว่าก็ตาม แต่เขาก็เลือกแมนยู

ซึ่งร็อบสันสามารถ สร้างความแตกต่าง ให้กับทีมได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก เขาเป็นนักเตะ ตัวหลักทันที และในฤดูกาลที่สอง เขาก็ได้รับตำแหน่ง กัปตันทีมพร้อม พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพได้สำเร็จ ทั้งมีส่วนสำคัญอย่างมาก

ต่อการคว้าแชมป์ เนื่องจากใน นัดชิงทีมเสมอ กับไบรตันด้วยผล 2-2 จึงต้องเตะรีเพลย์ กันอีกรอบ และเพียงครึ่งแรก แมนยูออกนำไป 3ประตู โดย 2ประตู เป็นผลงานของร็อบสัน ก่อนชนะไปเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 4 ประตูต่อ 0

ความมุ่งมั่น ทุ่มเท และใจสู้ไม่ยอมท้อถอย คือคุณลักษณะประจำตัว ของร็อบสัน ทำให้เขามีส่วน ในการทำประตูสำคัญๆ ให้กับทีมเสมอ เช่นในปี ค.ศ.1984 นัดที่ทีมพบกับบาร์เซโลนา เจ้าบุญทุ่มที่มี ดิเอโก มาราโดนา นักเตะระดับโลก

เป็นตัวชูโรงใน รายการคัพวินเนอร์ส คัพรอบที่ 3 นัดแรกแมนเชสเตอร์ ไบรอัน เมืองไทย ยูไนเต็ดบุกไปแพ้ มาก่อน 2-0 แต่เมื่อกลับมาเล่นในบ้าน ร็อบสันช่วยทีมยิงสองประตู ก่อนชนะไป 3-0 ถือเป็นลูกยิงใน ประวัติศาสตร์

ไบรอันร็อบสัน

ไบรอันร็อบสัน เจ้าของฉายากัปตันมาร์เวล นักเตะที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับแมนยูไนเต็ด

โดยหลังจากเริ่มต้น ค้าแข้งกับแมนยูไนเต็ดนั้น ร็อบสันถูกยกย่อง ให้เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียง ไบรอัน ร็อบสัน เบอร์เสื้อ และมีฝีเท้าและ ได้รับความนิยมพอสมควร ที่เหล่าแฟนบอลต่างก็ชื่นชอบ เพราะเขาเป็นนักเตะที่พร้อมเล่นให้กับสโมสรตลอด

แบบแทบไม่มีอาการบาดเจ็บ และไม่เคยยอมแพ้ ในการเล่นฟุตบอล โดยเขาได้รับการยอมรับ ในฐานะนักเตะกองกลาง ร็อบสันได้ชื่อว่า เป็นคนที่เล่นได้ ครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่ง ที่ในยุคนั้นต้องยกให้เขา ยาป-สตัม

บ็อบบี ร็อบสันซึ่งร่วมงานกับไบรอัน ร็อบสันซึ่งทั้งคู่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กันทางสายเลือด ในทีมชาติอังกฤษ ต่างพูดถึงไบรอัน ซึ่งไม่ได้เป็น แค่เพียงกัปตันทีมแมนยู แต่ยังเป็น กัปตันชาติอังกฤษด้วย

ว่า เขาเป็นนักเตะ ที่ทำได้ดีทั้ง การเข้าสกัด สร้างสรรค์โอกาส และการทำประตู ขณะที่ พอล แกสคอยน์ กองกลางพรสวรรค์สูง ตั้งฉายาให้กัปตันทีมชาติว่า ไอ้ขี้หมาเพราะเขา อยู่ไปทั่วทั้งสนาม เหมือนขี้หมา บนถนนก็ไม่ปาน

ผลงานส่วนตัวกับ ทีมชาติอังกฤษ ของร็อบสันมีตัวเลขที่ดี ลงเล่นทั้งหมด 90นัด ทำประตูได้ 26ประตู แต่อังกฤษไม่ เคยคว้าแชมป์ใดๆ ได้ และเขาก็มักจะพลาด เกมสำคัญใน รายการใหญ่เนื่องจาก อาการบาดเจ็บเป็นประจำ

ส่วนผลงานกับ แมนยูไนเต็ดเขาพา ทีมคว้าแชมป์บอลถ้วย ได้หลายครั้ง แต่กว่าจะนำทีม คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ ก็เข้าสู่ช่วงบั้นปลาย ของชีวิตนักฟุตบอลแล้ว ในฤดูกาล 1992-1993 ซึ่งแมนยูคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรก

หลังต้องรอคอยกว่า 26ปี แม้ว่าร็อบสัน จะยังคงเป็นกัปตันทีม แต่ก็พลาดโอกาส ลงเล่นเกมส่วนใหญ่ เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และการมาของ เอริก คันโตนา ก็จำกัดโอกาส การเล่นของเขาลงไปอีก เมื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ผู้จัดการทีมเลือกที่จะถอย ไบรอัน แมคแคลร์ กองหน้าของทีม ลงมาเบียดเขา ในตำแหน่งกองกลาง เพื่อหลีกทาง ให้กับศิลปินลูกหนัง ชาวฝรั่งเศษ ที่กำลังย้ายเข้ามา ซึ่งก็กลายมาเป็น กับตันรวมถึงกำลังเสริมจากวัท

ช่วงปลายการค้าแข้งในอาชีพนักเตะของยุคกัปตันอย่างร็อบสัน และการเริ่มต้นเป็นผู้จัดการ

โดยหลังจากคว้า แชมป์ฤดูกาล 1993-1994 กลายเป็นฤดูกาลสุดท้ายของร็อบสันกับแมนยู เขาจากไปพร้อมกับสถิตินักเตะที่ครองตำแหน่งกัปตันทีมยาวนานที่สุดของสโมสร และช่วยกรุย ทางสู่ความสำเร็จในยุคต่อมา

ออกจากแมนยู ร็อบสันไปรับ ตำแหน่งผู้เล่น ไบรอัน โอคอนเนอร์ เสียชีวิต และผู้จัดการที เจให้กับสโมสรมิดเดิลส์เบรอ เขาเริ่มต้นได้อย่าง หวือหวาพาทีม คว้าแชมป์ดิวิชันที่1 และสร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้กับ พรีเมียร์ลีกด้วยนักเตะนำเข้าอย่าง จูนินโญ่

กองกลางจากบราซิล ตามด้วย ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี ศูนย์หน้าอิตาลี แต่อยู่ใน ลีกสูงสุดได้ 2 ฤดูกาล ทีมก็ตกชั้นไป อย่างน่าเสียดาย แม้เขาจะพาทีม เลื่อนชั้นได้ทันควัน แต่ทีมก็วนเวียนอยู่ค่อนท้ายของตารางเป็นส่วนใหญ่ ก่อนจากทีมไปในปี 2001

กับการเริ่มต้นเข้าสู้การเป็นผู้จัดการสโมสรต่างๆ อย่างเป็งทางการ

หลังจากนั้น เขาก็ได้งานคุมทีม กับสโมสรเล็ก ๆ อย่างแบรดฟอร์ด เวสต์บรอมทีมเก่า สมัยเป็นนักเตะ และเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด แต่ผลงานก็ มิได้น่าประทับใจเท่าใดนัก นอกจากนี้เขายังเคยคุมทีมชาติไทยในปี 2009

ต่อจาก ปีเตอร์ รีดอย่างซือนำเข้าจากอังกฤษเช่นกัน ซึ่งผลงานก็ไม่สวยหรูเท่าไหร่ พาอันดับฟีฟ่าของทีมชาติไทยตกลง 15 อันดับซึ่งถือเป็นช่วงสั้น แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในการคุมทีมและ คนเป็น