ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตำนานกองกลางระดับโลก ตำนานกองกลางของโลก

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตำนานกองกลางระดับโลก ตำนานนักเตะของสโมสรหงส์แดงลิเวอร์พูล

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตำนานกองกลางระดับโลก อีกหนึ่งยอดตำนานของ สโมสรลิเวอร์พูลที่ ไปได้ถึงระดับโลกและ ถูกยกให้เป็น หนึ่งในกองกลางชั้นนำ ของโลกฟุตบอลคนหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงและ ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง

โดยมาสเคราโน่นั้น เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ.1984 เกิดที่ซาน ลอเรนโซ่ ประเทศอาร์เจนติน่า ที่ประสบความสำเร็จ ในโลกฟุตบอลถูกยกเป็น นักเตะชั้นนำของโลก ในตำแหน่งกองกลาง ที่ประสบความสำเร็จมาก

สามารถคว้าแชมป์ได้มากมาย รวมทั้งยังเป็นนักเตะ ที่แฟนบอลลิเวอร์พูลชื่นชอบ มาสเคราโน่ ปัจจุบัน โดยเว็บของเราจะพาไป ทำความรู้จักกับ ประวัติของ ยอดนักเตะรายนี้กัน โดยเขาเป็นนักเตะ เยาวชนของ สโมสรริเวอร์เพลท

โดยเขาเล่นให้ กับริเวอร์เพลท ชุดใหญ่ เริ่มต้นในฤดูกาล 2003-2004 เขาถือเป็นนักเตะคนสำคัญ เขาสามารถช่วยให้ทีม จบอันดับที่ 1ในลีกชั้นนำ ของประเทศอาร์เจนติน่าได้ ตั้งแต่ฤดูกาลแรก ที่เขาก้าวขึ้นมา ในลีกอาชีพ

โดยเขาถือเป็น ดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์ม ได้โดดเด่น จนทำให้ทีมเศรษฐี ตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด แสดงความสนใจ ที่จะคว้าตัว ไปร่วมทีม แต่ทว่าการเจรจาต้องยุติลง เพราะ ริเวอร์เพลท ไม่ต้องการปล่อยตัวออกไป ดูบอล123

ฤดูกาล 2004-2005 เป็นซีซั่นสุดท้ายที่ เขาลงเล่นให้ ทีมริเวอร์เพลท และมันก็เป็นปี ที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก ทีมชาติ อา ร์ เจน ติ น่า ล่าสุด เพราะเจ้าตัว ไม่สามารถช่วยให้ต้นสังกัด สามารถทำ ผลงานได้ดีไปกว่า การจบฤดูกาลเพียงแค่อันดับที่3 ของลีก

ซึ่งต้องบอกก่แนว่า ในตอนนั้นเขายังถือเป็น ดาวรุ่งและ ไม่ได้เล่นตำแหน่งกองหน้า หรือตัวรุกในการทำประตู จนในที่สุด สโมสรโครินเธียนส์ ทีมดังแดนกาแฟ ก็มาคว้าตัวไป ร่วมทีมด้วย ราคา 15 ล้านดอลลาร์

หรือ11ล้านกว่าปอนด์ เพราะนักเตะของ ทวีปอเมริกาใต้ จะตั้งราคาโดยใช้ เงินดอลลาร์สหรัฐ เม ส ซี ปัจจุบัน แต่หากขายข้ามมา เป็นฝั่งของทวีปยุโรป ถึงจะใช้เป็นค่าปอนด์ แต่หลายสโมสรใน อเมริกาใต้ยัง ใช้เงินดอลลาร์

ในการซื้อขายนักเตะข้าม ทวีปมากกว่าเพราะ มีเรื่องของการแปลงเงิน และภาษีต่างๆ และความยุ่งยากอีกมากมาย ซึ่งนี้ถือเป็นเรื่อง ยุ่งยากอีกเรื่องของการซื้อขายนักเตะ ของทางอเมริกาใต้จึงมักจะ เอกสารไม่ครบ และต้องรอเวลามาก

กว่าจะเกิดดีลการซื้อขาย กันได้สักครั้ง ทำให้ในตอนนั้น การย้ายตัวของมาสเคราโน่ ถูกบันทึกราคา ซื้อขายค่าตัวเอาไว้ที่ 15ล้านดอลลาร์ ต่างกับในทีมของยุโรปที่ ทั้งหมดจะต้อง ใช้เงินปอนด์ในการซื้อขาย

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตำนานกองกลางระดับโลก อาการบาดเจ็บรบกวนจนถึงขั้นฟอร์มตก

โดยมาสเคราโน่นั้น ย้ายมาร่วมทีม โครินเธียนส์ในเดือนเมษายน ค.ศ.2005 แต่เขาก็ ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงเล่น ให้ต้นสังกัดในลีกมากนัก เนื่องจากประสบปัญหา อาการบาดเจ็บรบกวน แต่อย่างน้อยที่สุด

ก็ยังเป็นส่วนหนึ่ง ในชุดที่คว้าแชมป์ลีกบราซิล มาครองได้ ในปีค.ศ.2005 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่สอง ค่า ร์ ล อ ส เต เว ซ ของเขาที่โครินเธียนส์ อย่างไรก็ตาม ในปีค.ศ.2006 มาสเคราโน่ก็ไม่ได้ มีบทบาทให้ กับโครินเธียนส์มากนัก

และต้องประสบ ความล้มเหลวกับทีม ทั้งในเกมลีกซึ่งทีมเกือบจะตกชั้น และ ศึกโคปาลิเบอร์ตาโดเลสคัพ ที่ต้องตกรอบไป อย่างไม่ได้ลุ้น หลังพ่าย ริเวอร์เพลททีมเก่า ไปในรอบ 16ทีมสุดท้าย ทว่าเส้นทางในการค้าแข้งที่บราซิล แทงบอล

มันก็ต้องจบลง หลังจากที่ใน ช่วงซัมเมอร์ ปีค.ศ.2006 เขาได้ย้ายไปร่วมทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมดังในลีกพรีเมียร์ชิพอังกฤษ แบบไม่เปิดเผยค่าตัว แบบช็อคใครหลายคน เพราะแม้จะฟอร์มตก

แต่ก็มีข่าวว่า สโมสรดังหลายสโมสรในยุโรป ต่างเตรียมการจะคว้าตัว มาร่วมทีม Mascherano แต่กับเป็นทีมเวสต์แฮม ที่สามารถคว้าตัวเขาไป ร่วมทีมได้ โดยกับเวสต์แฮมนั้น เขาก็ยังคง ทำผลงานได้ไม่ดีเช่นเดิม

ส่งผลให้ในฤดูกาลแรก ของเขากับเวสต์แฮม ในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ.2007 ลิเวอร์พูลจัดการขอยืมตัว มาสเคราโน่ไปใช้งาน จนเกิดเป็นประเด็นข้อถกเถียง เกี่ยวกับการย้ายทีม ที่เกิดขึ้น เนื่องจาก กฎของฟีฟ่า

ระบุเอาไว้ว่า ห้ามนักเตะเล่น ให้กับสองสโมสรในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง วันที่ 30 มิถุนายนปีถัดไป ซึ่งกรณีของ เขานั้นอยู่ในข่ายดังกล่าว แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี โดยลิเวอร์พูลเซ็นมาสเคราโน่ มาร่วมทีมแบบยืมตัว 18เดือน

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตำนานกองกลางระดับโลก ลงเล่นให้กับสโมสรลิเวอร์พูลที่เขาถูกยกเป็นกองกลางระดับโลก

โดยหลังจากเคลียเรื่อง สัญาและคดีความจบลง ลิเวอร์พูลก็สามารถ ใช้งานเขาได้อย่างเต็มที่ และ ี่แห่งนี้เอง ที่ทำให้ชื่อของเขาโด่งดัง ตั้งแต่ตอนยืมมาอยู่ลิเวอร์พูล ซึ่งก็เป็นโชคดีของ ลิเวอร์พูลที่ยอมเซ็นสัญาราคาแพง และพ่วงสัญญาซื้อขาดไว้

ทำให้ลิเวอร์พูล สามารถซื้อ เขามาร่วมทีมได้ ซึ่งในระหว่าง ที่ลงเล่นภายใต้ ชุดแข่งของลิเวอร์พูล เม ส ซี่ 2012 ในตอนที่ยืมตัวมานั้น เจ้าตัวกลับมาโชว์ฟอร์ม ระดับเทพได้ ยอดเยี่ยมอีกครั้ง สไตล์การเล่นอันดุดัน วิ่งไล่เบียดแย่งบอล

แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้แฟนๆ ลิเวอร์พูลหลงรัก มิดฟิลด์รายนี้ แบบหมดหัวใจ จนในที่สุด ราฟาเอล เบนเตซก็ตัดสินใจ ทุ่มเงินถึง 18 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญา 4ปีเพื่อ กระชากเขา มาร่วมทีมลิเวอร์พูล ซามี่ ฮูเปีย

ซึ่งเมื่อได้สัญญา กับลิเวอร์พูลแบบยาวๆ เจ้าตัวก็โด่งดังเป็นพลุแตก สไตล์การเล่นชนิด ทุ่มเทเกินร้อย เข้าเสียบสกัด แบบหนักแน่น อ่านเกมขาดกระจาย บวกกับความสารพัดประโยชน์ ถอยลงไปยืนเป็นกองหลังได้

มันทำให้ มาสเคราโน่ขึ้นแท่นเป็น มิดฟิลด์ตัวรับเบอร์ต้นๆ ของโลก และแฟนบอลทุกคนต่างยอมรับ ฝีเท้าของเขา ทว่า 4 ปีกว่าที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล มาสเคราโน่ ไม่สามารถ คว้าแชมป์อะไรได้เลย จนกระทั่งเขาได้ย้ายไปบาร์เซโลน่า

ประสบความสำเร็จและ คว้าแชมป์มากมายกับบาร์เซโลน่ากลายเป็นนักเตะระดับโลก

โดยแม้จะเป็นนักเตะกองกลางระดับโลกตั้งปต่ สมัยลิเวอร์พูลแต่การไม่มี แชมป์ติดมือ ทำให้ชื่อของเขา มักจะถูกพูดถึงว่า ไม่น่าจะเป็นระดับโลกได้ แต่การมาอยู่บาร์เซโลน่า เขาถูกยอมรับ ในการเป็น นักเตะระดับโลกอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะกับในตำแห่งของ มิดฟิลด์ตัวรับที่ ในช่วงเวลานั้น ต้องยกให้เขาเป็นเบอร์1 เพราะเขาไม่ใช่นักเตะ ตัวรุกที่จะสามารถยิงประตู ช่วยทีมได้ แต่สไตร์บอลของ บาร์เซโลน่าส่งให้ เขากลายเป็นนักเตะที่ สามารถจ่ายบอลจาก

แนวลึกได้ โดยบาร์เซโลน่าจ่ายให้ กับลิเวอร์พูล ด้วยจำนวนเงินถึง 24ล้านยูโร สำหรับเซ็นสัญญา4ปี รายชื่อนักเตะ ทีมชาติ อา เจน ติ น่า 2021 และบอกได้เลยว่า คุ้มเกินคุ้ม เพราะมาสเคราโน่ ทำงานอย่างหนัก ลงเล่นรวมไป 334 นัด ตลอด 8ปี

เขาสามารถคว้าแชมป์ ลาลีกา ฝสเปน กับ โกปา เดลเรย์ ถ้วยฟุตบอลของประเทศสเปน ไปถ้วยละ 5สมัย, ซูเปอร์โกปาอีก 3สมัย, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และ แชมป์สโมสรโลก อีกอย่างละ 2สมัย

มาสเคราโน่กับการลงเล่นใน นามทีมชาติอาร์เจนติน่าที่ไม่ประสบความสำเร็จ

ถือเป็นเรื่องโชคร้ายของ มาสเคราโน่เลยก็ว่าได้ สำหรับผลงานกับทีมชาติ เพราะแม้เจ้าตัว จะลงสนามด้วย เดิร์ก เคาท์ สถิติลงเล่น 147นัด ซึ่งมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ วงการลูกหนังอาร์เจนติน่า แต่มันน่าเสียดายตรงที่เขา

ไม่สามารถช่วยให้ อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์อะไรได้เลย ยกเว้นแค่เหรียญทอง โอลิมปิกเกม 2สมัย ในปี 2004 และ 2008 ส่วนแชมป์โลก ก็เป็นได้แค่พระรองในปี 2014 หลังแพ้ เยอรมัน ในช่วงต่อเวลาพิเศษไป 1-0