ยาป สตัม ตำนานปราการหลังในโลกฟุตบอล ตำนานนักเตะกองหลังของแมนยูไนเต็ด
ยาป สตัม ตำนานปราการหลังในโลกฟุตบอล ยาปสตัม wiki ชื่อของนักเตะระดับตำนาน ในตำแหน่งกองหลัง ของแมนยูไนเต็ด ที่ถูกยกย่องอีกหนึ่งคน ที่ถือเป็น ตำนานนักเตะที่มีฝีเท้า ในระดับโลกและ เป็นที่ยอมรับ
และมีฝีเท้าและชื่อเสียง กับภาพจำที่ เหล่าแฟนบอลทุกคนต้องรู้จัก และเคยได้ยินหรือจำภาพ ของนักเตะคนนี้ได้ ที่ถูกยกย่องให้เป็น สุดยอดปราการตัวหลัง ที่มีชื่อเสียง และฝีเท้าที่มีชื่อเสียง ในระดับโลกที่ถูกยอมรับ
โดยเขาเป็นนักเตะ ที่หากมีเกมและ มีตัวละครตำนาน ชื่อของยาป สตัมมักจะติด อยู่ในแพ็คนักเตะตำนาน และได้รับการยอมรับอย่าง เป็นประจำโดยเว็บของเรานั้น จะพาไปรู้จัก และทำความรู้จักกับ ประวัติของเขา ดูบอล123
และช่วงเวลาที่ค้าแข้ง อยู่ในสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างไรบ้าง โดยยาป สตัมเกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม ค.ศ.1972 เกิดที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ สตัมเริ่มต้น อาชีพค้าแข้ง กับทีมฟุตบอลท้องถิ่น
ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีชื่อว่าดีโอเอส แคมเปน โดยเขาถือเป็นนักเตะเยาวชน ของสโมสรแห่งนี้ ที่มีชื่อเสียงด้วยรูปร่าง ที่สูงใหญ่และรวดเร็ว และการเลือกเล่น เป็นปราการหลังทำให้ เขามีชื่อเสียงขึ้นมา
จนมากระทั่งวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1992 สตัมก็ได้ประเดิมสนาม ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ อย่างเป็นทางการกับเอฟซี ซโวลล์ ในเกมที่พวกเขา เสมอเอสซี เฮราเคิ่ลส์ ไป 1 – 1 ในศึกแอร์สท ดิวิซี่ โดยเป็นลีกสูงสุด ลำดับที่ 2 ของเนเธอร์แลนด์
เขาได้ลงเล่นใน ทีมชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นเพียงเด็กรุ่นใหม่ ที่ยังอายุและประสบการณ์เพียงไม่เท่าไหร่ ก่อนที่จะย้ายไปเล่น ในระดับเอเรดิวิซี่ ลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ กับคัมบูร์ ลูวาร์เด้น ในฤดูกาลต่อมา
อย่างไรก็ตามเขา ก็ต้องตกชั้นกับทีม จนทำให้ต้องลงมาเล่น ในแอร์สท ดิวิซี่อีกครั้ง แต่หลังจากเล่นให้คัมบูร์อยู่ 2ฤดูกาล เขาก็ได้เลื่อนชั้น กลับขึ้นไปเตะ ในเอเรดิวิซี่อีกด้วย การย้ายไปเล่นกับวิลเล่ม ทเว
ที่นั่นเขาทำผลงาน ได้อย่างน่าประทับใจ รวมถึงแมตช์ที่พาทีม เปิดบ้านเอาชนะ อาแจ็กซ์ไปได้แบบสุดช็อค 1 – 0 นั่นคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ดึงตัวเขามาเล่น ด้วยในฤดูกาลเดียวกันนั้นเอง
ซึ่งเขาก็ได้ แชมป์เคเอ็นวีบีคัพ ร่วมกับต้นสังกัดใหม่ทันที ถือเป็นถ้วยแชมป์แรก ที่เขาคว้ามาครองได้ในฐานะนักเตะอาชีพ อย่างเป็นทางการ ส่งให้ชื่อของเขา กลายเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะกับปราการหลังที่ อายุเพียงไม่เท่าไหร่
ยาป สตัม ตำนานปราการหลังในโลกฟุตบอล ตำนานนักเตะกับการก้าวเข้าสู่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
โดยจากชื่อเสียงของสตัม ในการคว้าแชมป์ลีกและทำผลงาน Jaap Stam กับสโมสรพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นได้ ทำให้ชื่อเสียงของเขา เป็นที่รู้จัก ไปทั่วยุโรป และเป็นแข้งที่ตกเป็นข่าว กับหลากหลายสโมสร ในทวีปยุโรปอีกด้วย
และเป็นทางแมนยูไนเต็ด ที่สามารถคว้าสตัม ไปร่วมทีมได้ โดยในปีค.ศ.1998 โดยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ดึงตัวสตัม มาเสริมแกร่ง ในแผงหลัง และเขาก็ได้ค้าแข้ง กับทีมปีศาจแดงอยู่ 3ฤดูกาล ในระหว่างนั้น
เขาพาทีมคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ทั้ง 3ปีที่ลงเล่น รวมถึงแชมป์เอฟเอ คัพ, อินเตอร์คอนทิเนนทัล คัพ และเป็นกำลังสำคัญ ในการคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก อีกอย่างละสมัยด้วย โดยตลอดการลงเล่นกับสโมสรแห่งนี้ แทงบอล
เขาได้ยิงประตูไป 1ลูกในเกม ที่บุกไปถล่มเลสเตอร์ซิตี้ 6-2 และถือว่าเขาสามารถ ประสบความสำเร็จ ในอาชีพการค้าแข้งกับแมนยูไนเต็ด เป็นอย่างมาก จนกระทั่งก่อน เปิดฤดูกาล 2001-2002
สตัมถูกขายให้ กับลาซิโอในอิตาลี หลังจากที่มีข่าวว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เกี่ยวกับสิ่งที่สตัม นำไปเขียนถึงเขา และสโมสรในหนังสือ อัตชีวประวัติส่วนตัว Head to Head โดยปราการหลังชาวดัตช์
ได้อ้างไว้ในหนังสือ ของเขา ว่าเซอร์ อเล็กซ์ได้พยายาม ซื้อตัวเขาไป ร่วมทีมทั้งที่ยัง ไม่ได้รับอนุญาต ยา ป ส ตั ม วัน ที่ เข้า ร่วม จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นอีกทั้ง ยังพูดถึงเพื่อนร่วมทีม ในแง่ที่ไม่ดีนัก สุดท้ายแล้ว โลร็องต์ บล็องก์ ก็ถูกคว้าตัว
เข้ามาทดแทนตำแหน่ง ของเขาในทีมปีศาจแดง และเรื่องนี้ก็ ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยสตัมถือเป็นนักเตะ ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นปราการหลังตัวสำคัญ ของทีมหากแต่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ก็ทำให้ภาพจำของเขาเปลี่ยนไป
ยาป สตัม ตำนานปราการหลังในโลกฟุตบอล กับการพาทีมชาติขึ้นเป็นระดับท็อป
โดยในด้านอาชีพ การค้าแข้งของสตัม ในระดับทีมชาติของเขานั้น Jaap Stam ประวัติ ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จ ในระดับหนึ่ง สามารถพาทีมขึ้นไปสู่ ระดับท็อปๆ ของโลกได้ โดยเขาประเดิม สนามให้กับทีมชาติฮอลแลนด์เป็นครั้งแรก
ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1996 โดยแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมันไป 0 – 1 เขาคือนักเตะ คนสำคัญที่ช่วยให้ ทีมอัศวินสีส้ม คว้าอันดับที่4 ได้ในฟุตบอลโลกปี 1998 ในการเตะยูโร 2000 ที่ประเทศของเขาเป็นเจ้าภาพ สตีฟ-บรูซ
ร่วมกับเบลเยี่ยม สตัมได้ผ่านเข้าสู่ รอบตัดเชือก กับทีมชาติฮอลแลนด์อีกครั้ง โดยในคราวนี้ เขายิงจุดโทษลูกสำคัญ พลาดในช่วง การดวลจุดโทษในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนั่นมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ทีม ต้องพ่ายต่ออิตาลีไป อย่างน่าเสียดาย
สตัมยังพาทีมไปเตะ ในรอบรองชนะเลิศ ได้อีกเป็นครั้งที่3 ในศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกส ก่อนที่เขาจะประกาศ อำลาทีมชาติ หลังจากจบทัวร์นาเม้นท์ดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ต้องการหันมามีสมาธิ กับต้นสังกัดใหม่ อย่างเอซี มิลาน
รวมถึงครอบครัวของเขาด้วย รวมแล้วเขาลงเตะให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ ไปทั้งหมด 67เกม ยา ป ส ตั ม stats และยิงประตูได้ 3ลูก และสามารถพาทีมชาติของเขา ขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของการแข่งขันรายการใหญ่ อยู่เป็นประจำ
โดยเขาถูกยกย่องในระดับทีมชาติ อีกด้วยโดยเขาถูกยกให้เป็น อีกหนึ่งปราการหลังชาวเนเธอร์แลนด์ ที่ประสบความสำเร็จมาก และเป็นต้นแบบ รวมถึงเป็นไอค่อน ในโลกฟุตบอล ของนักเตะปราการหลังหลายคน
โดยเซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสัน เคยพูดไว้ถึงการขายสตัมออกไปว่าเป็นในเรื่องของเหตุผลด้านฟุตบอลจริงๆ
โดยในเรื่องนี้นั้น เซอร์อเล็กซ์ได้ออกมา ยืนยันว่าตัวเองขาย สตัมออกจากทีม ด้วยเหตุผล ของฟุตบอลแบบเพียวๆ แต่เชื่อว่ามีแฟนบอลหลายคน และมีคำถามอยู่เป็นประจำ เกี่ยวกับการขาย ยอดนักเตะที่กำลัง ประสบความสำเร็จกับทีม แบบสุดๆ
อย่างไรก็ตามเซอร์ อเล็กซ์ก็ได้ ออกมาอธิบาย ส ส ตั้ ม. ถึงการตัดสินใจ ครั้งนั้นในภายหลังว่า “ในช่วงเวลานั้นเขาเพิ่งฟื้น กลับมาจาก อาการบาดเจ็บ ที่เอ็นร้อยหวาย และเราก็คิดว่า เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เราได้รับข้อเสนอ มูลค่าสูงถึง 16.5 ล้านปอนด์
จากทางลาซิโอ สำหรับเซ็นเตอร์แบ็ค ที่มีอายุตั้ง 29 ปีแล้ว มันเป็นข้อเสนอ ที่ปฏิเสธไม่ลงจริงๆ แต่ในแง่ของผลงาน ในสนามแล้ว ก็ถือว่ามันเป็นความผิดพลาด อยู่เหมือนกัน เพราะว่าเขายังคงเล่นได้ดี อยู่เลยกับอาแจ็กซ์”
สตัมกับการถูกยกย่องอยู่เป็นประจำ แต่กับภาพจำของแฟนแมนยูและการถูกพูดถึงที่น้องเกินไป
โดยสตัมนั้นในช่วงเวลานั้น ที่ค้าแข้งอยู่กับแมนยูไนเต็ด เขาถูกยกให้เป็นอันดับ1 ที่ถูกยกให้เป็นที่สุด และแฟนบอลจำนวนมาก ต่างก็ยกย่องเขา โดยเขานั้นถูกยกย่องให้มี ฝีเท้าเทียบเท่าฟานไดร์ ของลิเวอร์พูลในช่วง พีคด้วยซ้ำไป
และการพาสโมสรแมนยูไนเต็ด คว้าแชมป์ได้มากมาย ยาปสตัม fifa online 4 และถูกยกให้เป็น สุดยอดปราการหลัง ทำให้เขากลายเป็น นักเตะที่ควรถูกพูดถึง และภาพจำ กับสโมสรแมนยูไนเต็ดมากกว่านี้ แต่เหตุการณ์ จากหนังสือ ก็ทำให้มันเปลี่ยนไป