ดาวรุ่งตลอดกาล เส้นทางการค้าแข้งของแจ็ค วิลเชียร์ เรื่องของอดีตดาวรุ่งของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ดาวรุ่งตลอดกาล เส้นทางการค้าแข้งของแจ็ค วิลเชียร์ เรื่องราวของอดีต เฟ ร็ ด ดี อาดู นักเตะดาวรุ่งที่ประสบความสำเร็จ และมีฝีเท้าระดับชั้นนำ ถูกยกให้เป็น ยอดนักเตะดาวรุ่ง ของลีกอังกฤษ และนักชั้นนำของ ทวีปยุโรป

นี้คือนักเตะดาวรุ่งชั้นนำ ที่ควรจะเป็นนักเตะชั้นนำ ที่ประสบความสำเร็จและ ค่าแข้งอยู่กับ สโมสรอาร์เซน่อลที่ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในยุคสมัยหนึ่ง แต่ในปัจจุบันกับ ไม่สามารถหาทีมได้

นี้คือนักเตะชั้นนำของ พรีเมียร์ลีกในช่วงเวลาหนึ่ง แต่หลังจาก เกิดอาการบาดเจ็บ เรื้อรัง เขาก็ไม่สามารถคืน ฟอร์มเดิมได้ เขาคือนักเตะวันเดอร์คิด ผู้ถูกเรียกว่า จะเป็น อันเดรส อิเนียสต้า แห่งเกาะอังกฤษ อนิเมะ

ที่ปัจจุบันไม่มี สโมสรอยู่ มันชัดเจนว่า ทำไมเขาเอง จึงไม่อยาก จะเชื่อว่า ตัวเองจะ ต้องมาลงเอย กับเส้นทางชีวิต ค้าแข้งแบบนี้ เพราะใครก็ตาม ที่เคยเห็นวิลเชียร์ ในสมัยวัยรุ่น เล่นอยู่คงรู้ดีว่า นี่คือนักเตะดาวรุ่ง

ที่ครบเครื่อง ที่สุดคนหนึ่ง วิลเชียร์โตมากับ ระบบอคาเดมี ของอาร์เซน่อล เขาเก่งเกิน เด็กมาตั้งรุ่นอายุ 14ปี ก่อนจะได้รับ การโปรโมตจาก อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของทีม ชุดใหญ่ในเวลานั้น

ส่งลงสนามใน เกมลีกคัพ ตั้งแต่อายุ 16ปี เมื่อทุกคน ได้เห็นเขา ก็รู้ได้ทันที ว่าเด็กคนนี้ สามารถแบกอายุ ได้แน่นอน มันทำให้แฟน อาร์เซน่อลเห็นภาพของ เชส ฟาเบรกาส ที่โดนเวนเกอร์ ใช้งานตั้งแต่ รุ่นราว คราวเดียวกัน

ก่อนเติบโต เป็นกองกลางระดับโลก ในเวลาต่อมา เวนเกอร์ค่อยๆ ใส่เกมระดับสูง ให้กับวิลเชียร์ ทีละนิดๆ เขาลงเล่นไป 8นัดใน ซีซั่นแรก ฤดูกาล 2008-09 และมากกว่านั้น อีกนิดในซีซั่นต่อมา ฤดูกาล 2009-10

จนกระทั่งเขาอายุ 18ปี เป็นหนุ่ม เต็มตัววิลเชียร์ ก็ถูกส่ง ไปอยู่กับ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ทีมระดับกลาง ค่อนล่างของ พรีเมียร์ลีกใน ช่วงตลาดฤดูหนาว และนั่นคือการย้าย ทีมที่พิสูจน์ให้ เวนเกอร์เห็นว่า

เขาไม่จำเป็นต้อง ได้รับการประคบ ประหงมอีกแล้ว ไม่ เคิ ล โอ เวน เพราะนอกจาก ทักษะในการเล่น เขายังมีแนวคิด หัวจิตหัวใจ และความเข้าใจเกม ในระดับสูงมาตั้งแต่ตอนนั้น และเขาพร้อมสำหรับ ลีกฟุตบอลระดับสูง

ดาวรุ่งตลอดกาล เส้นทางการค้าแข้งของแจ็ค วิลเชียร์ แจ้งเกิดกับสโมสรแรกโบลตัน

แม้วิลเชียร์นั้น จะเป็นนักเตะที่อยู่ อคาเดมี่ของอาร์เซนอล ติ อา โก้ และอยู่อาร์เซนอล มาอย่างยาวนานแต่ ทีมที่เขาแจ้งเกิด และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ตั้งแต่ช่วงเป็นวันเดอร์คิด คือสโมสรโบลตัน เป็นสโมสรแรก

โดยการยืมแบบยืมตัว วิลเชียร์ลงเล่น ให้กับโบลตัน แบบยืมตัว ไปแค่ 14 เกมในพรีเมียร์ลีก และนั่นคือฟอร์ม ที่แฟนๆ ของโบลตัน ไม่มีวันลืม ถ้าเป็นเรื่องของ การยิงประตู อาจจะยังไม่ เห็นภาพนัก แต่ถ้าใครได้เห็น การปรับตัว

ของนักเตะอายุ 18ปี กับทีมที่เล่น ฟุตบอลต่างกัน ไปแบบสิ้นเชิง กับอาร์เซน่อล คุณจะเข้าใจได้ว่า วิลเชียร์เป็นเด็กที่ ซึมซับอะไร ได้ดีแค่ไหน เมื่อต้องเล่นเป็น กองกลางให้กับโบลตัน เขาจะต้องวิ่ง ไล่บอลเยอะมาก ไก่ชนออนไลน์

กว่าได้ครอบครองบอล เขาจะต้อง เล่นลูกกลางอากาศได้ และต้องมี ความห้าวใน การไล่บดกับกองกลางเบอร์ใหญ่ กว่าของสโมสรอื่นๆ ซึ่งวิลเชียร์ ก็ทำได้ทุกอย่าง เขาคือกองกลาง ตำแหน่งหมายเลข10 ที่วิ่งมากที่สุดเป็นอันดับ1

ของทีม 1ประตู กับโบลตัน ที่เขายิงได้ คือการทำประตู ด้วยลูกโหม่ง และคุณจะเอา อะไรมากไปกว่านั้น ได้อีก เมื่อเขาพาโบลตัน ไปอยู่ครึ่งบน ของตารางได้ ในช่วงเวลาหนึ่ง ฝั่งอาร์เซน่อล ก็เห็นว่าทุกอย่าง

เป็นไปตามที่ต้อง ที่ควรวิลเชียร์ ได้พิสูจน์ตัวเอง ซ ล่า ตัน แล้วว่าเขาใช้งาน ได้ทันทีโดย ไม่ต้องรอปรับ กระดูกบอล และนั่นทำให้ เกิดการถกเถียงกัน เล็กน้อย เมื่อ โอเว่น คอยล์ กุนซือของ โบลตันในเวลานั้น

พยายามจะบอกกับ เวนเกอร์ว่า หากให้เวลา วิลเชียร์อีก 6เดือนหรือ 1ปีที่โบลตัน เขาจะสมบูรณ์แบบ และพร้อมใช้งาน ได้มากยิ่งกว่าที่เวนเกอร์ คิด แต่คำตอบของ เวนเกอร์ชัดเจน ดังนั้นวิลเชียร์ จึงกลับมาที่อาร์เซน่อล

ดาวรุ่งตลอดกาล

ดาวรุ่งตลอดกาล เส้นทางการค้าแข้งของแจ็ค วิลเชียร์ ย้ายไปร่วมทัพอาร์เซนอล

การกลับมาอาร์เซน่อล รอบนี้วิลเชียร์ สวมเสื้อหมายเลข 19 และยึดตัวหลัก ของทีมได้ ในทันที ซีซั่น 2010-11 วิลเชียร์ได้ลงเล่น เกมลีกไปทั้งหมด 35นัด นาทีนั้นมันชัดเจน แล้วว่าอาร์เซน่อล กำลังจะได้ กัปตันทีมคนใหม่

ที่เป็นลูกหม้อ ของสโมสรใน รอบหลายปี ทว่าใครจะรู้ว่า ซลาตัน อยู่ทีมไหน นั่นคือปีที่ดีที่สุด ของเขาในชีวิตการค้าแข้ง วิลเชียร์เป็นนักเตะที่ เวนเกอร์ให้ความเอ็นดู เป็นพิเศษ โดยเฉพาะ หลังจากจบ ฤดูกาล2010-11

เขายิ่งดูนิ่งขึ้นกว่า ที่เคยเป็นทั้งๆ ที่อายุแค่ 19 ปีเท่านั้น เวนเกอร์วาดภาพไปไกล แต่เรื่องจริงนั้น ทุกคนจะรู้ดี น่าเสียดาย ที่ซีซั่นที่ดีที่สุด มันเกิดขึ้นตอนที่เขาอายุ 19ปี ไม่ใช่ 29-30ปี เหมือนกับนักเตะคนอื่นๆ และนั่นไม่ใช่ สิ่งที่ดีเลย มาราโดน่าเสียชีวิต

ปัญหาเรื่อง อาการบาดเจ็บ เกิดขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก มันเริ่มขึ้นหลังจาก ฤดูกาลที่ดีที่สุด ของเขานั่นแหละ หลังจากลงเล่นไป 35เกมลีก 49 เกมทุกรายการ ในซีซั่น2010-11 ในฤดูกาล2011-12 วิลเชียร์เจ็บยาว ทั้งฤดูกาล

และหายไป 1ปีเต็มๆ โดยไม่ได้ลงเล่น ซลาตัน ภาษาอังกฤษ เลยแม้แต่เกมเดียว หลังจากนั้น การกลับมาของ เขาก็ไม่เหมือนเดิม เราไม่รู้ว่าเขา ไปเจอกับอะไรมาบ้าง แต่ความพิเศษของ วิลเชียร์ขาดหายไป อาการบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่สามารถไปถึง

ระดับนักเตะที่ ชี้ขาดผลการแข่งขันได้ และนับวันยิ่งห่างไกล จากจุดนั้น ออกไปเรื่อยๆ เพราะอาการบาดเจ็บ ไม่เคยหายขาด เขายังคงประสบพบเจอกับมันอยู่แทบ จะทุกเดือน แฟนอาร์เซน่อล รู้ดีว่าสำหรับ วิลเชียร์ต้องลุ้นกันทุกนัด

ไม่ใช่แค่เพียงอาการบาดเจ็บ และฟอร์มในสนามแย่ แต่ชีวิตนอกสนามก็ไม่ดี

นอกจากอาการบาดเจ็บ ที่ต้องเผชิญเรื่อยมา ตั้งแต่อายุ19 แต่การใช้ชีวิตนอกสนาม ที่ส่งผลต่อฟอร์มการเล่น แจ็ค วิลเชียร์รู้จักกันดี ในฐานะนักเตะหนุ่ม เจ้าสำราญ เขาใช้ชีวิตเอ็นจอยกับการดื่ม เขาสูบบุหรี่

และมีภาพหลุด ออกมาบ่อยๆ เรื่องแบบนี้ คือสิ่งที่นักเตะ อาชีพต้องเสียสละ วิลเชียร์คือสิงห์อมควันตัวพ่อ เขาไม่ได้แค่ โชคร้ายบาดเจ็บ แต่การวางตัว นอกสนามของเขา ก็มีส่วนที่ ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นด้วย

เมื่อเจ็บบ่อย และยังใช้ชีวิต นอกสนามไม่ดี ซลาตัน สูง มันจึงนำมา สู่ทัศนคติ ในการเล่นที่ ถดถอยตามลงไป วิลเชียร์เติบโตขึ้น ด้วยพัฒนาการ ที่สวนทางสุดขีด เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถกลับลดลง ยิ่งเล่นยิ่งหาย ทุกปัญหาส่งต่อกันหมด

และยิ่งเมื่อทำมันซ้ำๆ ก็ยิ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ภาพล่าสุดที่ เห็นเขาสูบบุหรี่คือ ตอนที่เขาอายุ 25ปี แต่แน่นอนว่าเขา ไม่ใช่เด็กแล้ว ถ้าเขาเลือกจะ ทำเช่นนั้นก็ ต้องรับกับสิ่ง ที่ตามมาให้ได้

วิลเชียร์กับอาชีพการค้าแข้ง ที่รู้ตัวเมื่อสายและจบชีวิตการค้าแข้งไม่มีทีมไหนต้องการตั้งแต่อายุ29

อาร์เซน่อลไม่ได้ ต้องการเขา มากเหมือนกับ ตอนที่เขาเป็น หนุ่มอีกแล้ว หลังจากจบซีซั่น 2015-16 เวนเกอร์บอกว่า เขาสามารถย้ายทีมได้ เพราะการลงสนาม น้อยลงทุกปีๆ จากอาการบาดเจ็บ

รวมทั้งหมดที่ ถูกบันทึกไว้ที่ 25ครั้ง มากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย การโดนปล่อย ให้กับบอร์นมัธ ยืมตัวในฤดูกาล 2016-17 คือจุดเปลี่ยนและการยอมรับ ความจริงของวิลเชียร์ เขาไม่ได้พิเศษ และมันแก้ไขอะไร ไม่ได้อีกแล้ว

ต่อให้เขาจะโยน สิ่งไม่ดีรอบตัวทิ้ง ไปทั้งหมดและ โฟกัสกับฟุตบอล อีกครั้งในวัย 26ปี ความจริงคือ โลกของนักเตะอาชีพ นั้นโหดร้าย หากคุณกำลังถดถอย ก็จะมีอีกคน ขึ้นมาแทนที่ ไม่มีใครใหญ่ค้ำฟ้า ในอาชีพนักฟุตบอลแสนสั้น